ทักษะการขับรถให้เก่งอย่างมืออาชีพ ตอนที่ 1

ทักษะการขับรถให้เก่งอย่างมืออาชีพ ตอนที่ 1

จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุในประเทศไทยในแต่ละปีนั้นถือว่าสูงมาก เมื่อเทียบกับกลุ่มของประเทศที่พัฒนาแล้ว สาเหตุก็มาจากหลายๆ ปัจจัยทั้งสภาพถนน ความประมาท เมาแล้วขับ หลับใน การแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ และที่สำคัญที่สุดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือทักษะการขับรถของผู้ขับเอง จากประสบการณ์ทั้งในเมืองไทย และการใช้ชีวิตที่เมืองนอก ผมขับรถยนต์มาเรียกได้ว่าเกือบทุกยี่ห้อก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋งขนาดกลาง ขนาดใหญ่ รถกระบะ ขับรถกระบะบรรทุก การขับรถกระบะบรรทุกถ้าใครเคยลองขับจะรู้ว่าขับค่อนข้างยากและอันตรายมาก

เพราะน้ำหนักบรรทุกที่มากกว่า 1 ตัน ทำให้การทรงตัวและจุดศูนย์ถ่วงมันเปลี่ยนแปลงจากเดิมและไม่แน่นอน ถ้ามีใครบอกว่าขับรถกระบะบรรทุก นั้นง่ายหรือไม่ยากเท่าไหร่ มีอยู่ 2 กรณีหลักๆ ก็คืออย่างแรกคือคนที่มีประสบการณ์มานานรู้จังหวะการเหวี่ยงตัวของรถ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการบังคับรถไปในทิศทางที่ต้องการอย่างปลอดภัย อย่างที่สองก็คือ คนที่มีประสบการณ์น้อยหรือไม่มีประสบการณ์เลยคือไปอนุมาน เดาว่ามันต้องเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ คิดว่ามันคงไม่ต่างไปจากการขับรถกระบะเท่าไหร่หรอก ผมขอแนะนำว่าถ้าได้นั่งรถไปกับคนดังกล่าวแล้ว อย่างนี้ตัวใครตัวมันครับ อย่างที่ผมบอกไว้ข้างต้น อันนี้ยังไม่ต้องพูดถึงหลักทางฟิสิกส์ และวิทยาศาสตร์นะครับ ขอบอกว่าอันตรายจริงๆ ครับ

ถ้าคุณมีคนรู้จัก หรือมีโอกาสไปแถวจันทบุรีบ่อยๆ ที่คนเค้าวิ่งไปรับผลไม้จำพวกเงาะ ทุเรียนไปขาย จะพบว่ามีอุบัติเหตุกับรถกระบะบรรทุกค่อนข้างบ่อย ผมเองถือว่าโชคดีครับที่มีโอกาสขับรถยนต์ที่หลากหลาย การเป็นคนช่างสังเกตุ และได้สัมผัสกันคนที่มีประสบการณ์ขับรถบรรทุกมานานประมาณ 20 กว่าปี (ถ้าจำไม่ผิด) ผมขับรถกระบะบรรทุก ลุยฝน ลุยโคลน มาสารพัด โคลนนี้ไม่ใช่โคลนธรรมดานะครับ อยู่ต่างจังหวัดบางพื้นที่มันลึกและแฉะมาก ประเภทที่คนอื่นเค้าไม่กล้าขับผ่านไป แต่ผมขอลุยครับ ไม่ใช่ว่าไม่เคยติดหล่มนะ เคยติดประมาณ 2-3 ครั้ง จนรู้วิธีแก้ปัญหา เหมือนเราได้บรรลุอะไรบางอย่างแล้ว อะไรก็ทำได้และสบายมาก

ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับใจเราหรือความกล้าด้วยครับ มันถึงจะประสบผลสำเร็จ ผมเองก็มีแนวคิดที่จะเปิดโรงเรียนสอนขับรถยนต์ ตอนนี้กำลังศึกษาตลาดและความเป็นไปได้อยู่ เพราะฉะนั้นผมจึงอยากจะมาแชร์ความรู้จากประสบการณ์ทั้งจากเมืองไทยและประสบการณ์จากต่างประเทศ ซึ่งทักษะเบื้องต้น และทักษะขั้นสูงบางอย่างที่จำเป็นในการขับรถ ไม่มีสอนในเมืองไทยครับ บางอย่างที่สอนในเมืองไทยผมถือว่ามีความเปราะบางและอันตรายมาก และหลายต่อหลายครั้งก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุถึงขั้นเสียชีวิตทีเลยเดียว เรามาเริ่มต้นกันเลยนะครับ

ตำแหน่งของการจับพวงมาลัย

หลายๆ ท่านคงสงสัยว่าการจับพวงมาลัยมันต้องเอามาเขียนด้วยหรือ ไม่บอกใครๆ ก็รู้ว่ามันสำคัญ ใครๆ ก็จับพวงมาลัยเป็นทั้งนั้น แต่หลักการจับพวงมาลัยที่ถูกต้อง ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั้นมีจุดและตำแหน่งที่สำคัญครับ นั่นก็คือตำแหน่งที่ 10 นาฬิกา และ 14 นาฬิกา ถ้านึกไม่ออกก็ลองยกนาฬิกาแบบอนาล็อคหรือแบบเข็มขึ้นมาเทียบดูที่ตำแหน่ง 10.00 น. และ 14.00 น.เราก็จับพวงมาลัยรถที่ตำแหน่งนี้ครับ

ถ้าท่านมีโอกาสได้ดูการขับรถของนักแข่งรถระดับโลกไม่ว่าจะเป็นการแข่งรถฟอร์มูล่าวัน แข่งแรลลี่ หรือแข่งดริฟท์เรซซิ่ง นักแข่งรถเหล่านี้ก็จะจับพวงมาลัยในมาตรฐานเดียวกัน ยิ่งเป็นการแข่งดริฟท์แล้ว ยิ่งต้องมีการหมุนและคืนพวงมาลัยแทบจะตลอดเวลา ต้องมีประสาทสัมผัสและสายตาที่ไวด้วย ไม่งั้นรถจะเสียหลัก หรือบางครั้งอาจจะพลิกคว่ำไปเลย

หลายๆ ท่านอาจจะคิดว่าเราไม่ได้ขับรถแข่งเหมือนกับเค้า ไม่จำเป็นจะต้องจับพวงมาลัยตามมาตรฐานนี้หรอก ขับมาก็เป็นสิบปีแล้วไม่เห็นเคยประสบอุบัติเหตุเลย ขอบอกว่าสติสัมปชัญญะ และความไม่ประมาทนั้นสำคัญอย่างยิ่ง รู้ไว้จะดีมากครับ ลองสังเกตุสาเหตุการเสียหลัก และการคว่ำของรถที่เกิดอุบัติเหตุสิครับ 80% ถ้าเรารู้หลักการตรงนี้ สามารถแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี และลดการสูญเสียคนที่คุณรักด้วยนะครับ สำหรับตอนต่อไป เราจะมาพูดถึงหลักการมองกระจกหลัง กระจกด้านข้าง และจุดบอดที่มองไม่เห็น ที่มองข้ามไม่ได้อย่างเด็ดขาด แล้วพบกันในบทความต่อไป.